ในยุคที่คู่แข่งเยอะ เราต่างก็เจอร้านค้าต่างๆมากมายที่ขายสินค้าใกล้เคียงกันหรือเหมือนๆกัน ในฐานะที่เราทำแบรนด์ใหม่ การสร้างแบรนด์ คือ “แบรนด์คือสินทรัพย์ถาวร สร้างแล้วอยู่เลย” จะต้องทำอย่างไรบ้างล่ะเมื่อเจอกับปัญหาที่มีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก และขายสินค้าที่เหมือนกัน วันนี้เรามีคำตอบค่ะ
1. สร้างแบรนด์ ไม่ใช่แค่โลโก้
“แบรนด์” ไม่ใช่แค่การออกแบบโลโก้ แพคเกจจิ้ง หรือรูปสวยๆ แล้วจบ แต่เป็น "การสร้างคุณค่าและประสบการณ์"
Branding – คือ (การสร้างแบรนด์) การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ของสินค้า กับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็คือการนำภาพลักษณ์ของบริษัทออกไปสู่สายตาของผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการ เพื่อให้โลกรับรู้ตัวตนของแบรนด์และสามารถจดจำได้ว่า Brand ทำอะไรหรือเกี่ยวกับอะไร
2. แบรนด์คือสิ่งที่คนพูดถึงคุณ ไม่ใช่สิ่งที่คุณบอก
การสื่อสารเท่านั้นที่จะเป็นการสร้างแบรนด์
ตัวจริงที่เป็นผู้สร้างแบรนด์ คือ “ผู้บริโภค” (consumer)” แต่ความสำเร็จในการสร้างแบรนด์อยู่ที่ “ตัวตน” ของแบรนด์นั้นเอง การสร้างแบรนด์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหนังโฆษณาอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับ
ความรู้สึกที่มาจากประสบการณ์ของผู้บริโภค ที่เค้ารับรู้คุณผ่านทุกช่องทาง ตั้งแต่โฆษณาไปจนถีงพนักงานหน้าร้าน จากสินค้าไปจนถึงบริการหลังการขาย และแม้แต่โปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่เลือกใช้ก็ถือเป็นการสร้างแบรนด์ที่หลายคนมองข้าม
แบรนด์คุณ = ?
เครื่องหมายคำถามข้างบนไม่ได้ถามคุณที่เป็นเจ้าของแบรนด์ หรือนักการตลาด แต่ให้คุณเอาไปถามคนรอบข้างว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับแบรนด์คุณ นั่นแหละครับคือสิ่งที่แบรนด์คุณเป็น
3. แบรนด์เราเกิดมาเพื่ออะไร?
การเริ่มต้นทำแบรนด์ ไม่ได้เริ่มจากออกแบบโลโก้ แพคเกจจิ้ง หรือถ่ายรูปยังไงดี แต่ควรเริ่มจาก brand purpose คือจุดตั้งต้นให้แบรนด์ถามตัวเองว่า แบรนด์เกิดมาทำไม แล้วแบรนด์สามารถสร้างประโยชน์อะไรให้กับผู้บริโภค จริงๆ แล้วที่มาของมันก็คือคำถามง่ายๆ แต่ตอบไม่ง่ายว่า "เราเกิดมาทำไม" brand purpose นั้นเกิดจากสองสิ่งหลักๆ รวมกัน
- สิ่งที่แบรนด์เป็น
- ประเด็นที่คนสนใจอย่างแท้จริง และมีน้ำหนักมากพอที่แบรนด์จะหยิบยกขึ้นมาพูด (ซึ่งก็ต้องดูว่าเหมาะสมกับแบรนด์ไหม)
ยกตัวอย่างเช่น
Ikea – To create a better everyday life for the many people
ด้วยเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ สิ่งที่อิเกียต้องการมอบให้ผู้บริโภคไม่ใช่แค่เก้าอี้นั่งสบาย หรือโต๊ะกินข้าวกว้างๆ หนึ่งตัว แต่อิเกียต้องการสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้กับคน ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนก็ตาม
Dove – Achieving real beauty, building self-esteem
โดฟเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลความสวยงาม แต่โดฟเชื่อว่าทุกคนมีความงามในแบบของตัวเอง และเราควรจะภูมิใจกับมัน ทุกสื่อโฆษณาของโดฟเลยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้หญิงทุกคนเชื่อในความสวยของตัวเอง และมั่นใจกับตัวเองมากขึ้น
Nike – To bring inspiration and innovation to every athlete in the world (and everybody is an athlete)
เมื่อบวกเข้ากับ tagline อย่าง “Just Do It” เราจะเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของไนกี้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือ การมอบแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาทุกคน (ซึ่งใครๆ ก็เป็นได้) และไนกี้จะคอยสนับสนุนพวกเขาด้วยนวัตกรรมอุปกรณ์กีฬาที่ดีที่สุดเอง
4. รู้จักกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะลึก
การสร้างแบรนด์ที่แตกต่าง เราต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเรา ไม่ใช่แค่รู้ว่าเพศอะไร อายุเท่าไหร่ แต่ต้องเจาะลึกไปถึงความชอบ พฤติกรรม นิสัย ไลฟ์สไตล์ ฯลฯ
ทำการตลาดตามนิสัยลูกค้าได้อย่างไร?
- รู้ก่อนว่าความท้าทายอยู่ตรงหน้าคืออะไร? รู้ว่าเป้าหมายการตลาดของเราทั้งหมดคืออะไร? มันตรงกับเป้าหมายอขงธุรกิจทั้งหมดของเราหรือเปล่า?
- รู้ว่าลูกค้าเป้าหมายมีขั้นตอนการซื้อของอย่างไร จะได้รู้ว่าขั้นตอนไหนที่การตลาดของเรายังเข้าไปไม่ถึง หรือคู่แข่งเข้าถึงได้ดีกว่า
- เก็บข้อมูลนิสัยของกลุ่มเป้าหมายลูกค้า หาความเชื่อมโยงระหว่างนิสัยกับพฤติกรรม ความชอบ ความคิดของลูกค้า
- คิดให้ดีว่าสิ่งที่เราต้องการสื่อคืออะไร และสื่ออย่างไรให้ตรงกับนิสัยลูกค้าที่รู้มาจากการเก็บข้อมูล
ในเวลาเดียวก็ก็ต้องดูด้วยว่าข้อความที่จะสื่อจะสื่อช่วงไหนของกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ถึงการทำการตลาดตามนิสัยของลูกค้าจะมีข้อดี แต่ก็อย่าลืมว่าข้อมูลนิสัยของลูกค้าเป็นเรื่องส่วนตัว เวลาเก็บข้อมูล ก็ต้องให้ลูกค้าเป้าหมายอนุญาตและรับรู้ว่าจะเอาข้อมูลนี้ทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์มากขึ้นอย่างไรด้วยนะคะ
5. หาจุดเด่นของแบรนด์
จุดเด่นของแบรนด์ของคุณ จะทำให้แบรนด์มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ค้นหาว่า อะไรที่เราทำได้ดี มีคนชมเยอะ ลองต่อยอดและไปให้สุดทาง เช่น สร้างความแตกต่างให้แบรนด์ สิ่งที่สินค้าของเรามีแต่สินค้าของคนอื่นไม่มี ซึ่งจุดขายนี่เองถือเป็นกลไกสำคัญในการทำกลยุทธ์ทางการตลาด อาจเป็นสินค้าชนิดเดียวกันที่อาจจะหาจุดขายที่แตกต่างได้ยากสักหน่อย เราก็อาจจะต้องสร้างจุดขายขึ้นมาเอง อย่างการสร้างจุดขายบนตัวสินค้า ปรับแต่งสูตร รูปแบบ หรือจะสร้างจุดขายจากบรรจุภัณฑ์ให้มีความแตกต่างก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดี
สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำแบรนด์คือ ความต่อเนื่อง ความสม่ำเสมอของแบรนด์ เช่น หากเราเปลี่ยนโลโก้บ่อย ลูกค้าก็จะจำไม่ได้ หรือ เราไม่โพสต์สินค้าอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าก็อาจจะลืมเราไป รู้เทคนิคดีๆแล้วที่เหลือแค่ ลงมือทำแล้วได้เอาไปใช้จริง