การออกแบบ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดในการช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงแบรนด์ของคุณ หากคุณให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แพคเกจจิ้งของคุณก็จะกลายเป็นประตูให้ผู้บริโภคเข้ามารู้จักกับแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น แล้วออกแบบโลโก้แบรนด์ กับ ออกแบบแพคเกจ ต่างกันอย่างไร?
การออกแบบแพคเกจจิ้ง

เนื่องจากเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็น และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถศึกษาผลิตภัณฑ์ของคุณได้รอบด้านมากยิ่งขึ้น อีกทั้งแพคเกจจิ้งยังช่วยในการนำเสนอแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้จัก ดังนั้นหากผลิตภัณฑ์ของคุณมีแพคเกจจิ้งที่ดูสะดุดตา ก็จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้
แพคเกจจิ้งของผลิตภัณฑ์ต้องเข้าใจง่าย
องค์ประกอบที่สำคัญทุกส่วนบนแพคเกจจิ้งต้องมีความชัดเจนและอ่านง่าย เนื่องจากแพคเกจจิ้งถือเป็นหน้าตาของแบรนด์และช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค โดยผู้บริโภคจะสามารถจดจำแพคเกจจิ้งที่มีความสวยงามและมีประสิทธิภาพได้ หากคุณคิดว่าข้อมูลบนแพคเกจจิ้งมีมากจนเกินไป คุณสามารถออกแบบแพคเกจจิ้งที่มีความเรียบง่ายได้ เนื่องจากความเรียบง่ายก็สามารถโดดเด่นในตลาดได้เช่นกัน
ผู้บริโภคสามารถจดจำได้ง่าย
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีความโดดเด่นกว่าของคู่แข่งในตลาด หากคุณต้องการให้ผู้บริโภคสังเกตเห็นผลิตภัณฑ์ของคุณ คุณควรให้ความสำคัญกับการพิมพ์โลโก้ลงบนแพคเกจจิ้ง
การออกแบบโลโก้


โลโก้ มักจะเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้ารู้จักแบรนด์ ดังนั้นผู้จัดการแบรนด์จึงควรให้ความสำคัญกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของโลโก้ ซึ่งประกอบด้วย แบบตัวอักษร, การออกแบบ, สี, รูปร่าง, และตำแหน่ง เพื่อให้ผู้บริโภคประทับใจในโลโก้ของคุณ นอกจากนี้ยังควรคำนึงถึงตำแหน่งของโลโก้บนผลิตภัณฑ์เพื่อทำให้โลโก้ของคุณมีความโดดเด่น
โลโก้เป็นตัวที่ช่วยสร้างตัวตนของแบรนด์และส่งผลต่อมุมมองของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ของคุณ อีกทั้งโลโก้ยังเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของคุณเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย คุณจึงควรใช้เวลาและลงทุนกับการออกแบบโลโก้อย่างเต็มที่
โลโก้ที่ออกแบบต้องเป็นที่จดจำ
ที่ทำธุรกิจหรือสร้างแบรนด์ของเรานั้น โลโก้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดภาพจำกับผู้บริโภค ทั้งยังสร้างความแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ด้วย โลโก้ที่ดีนั้น ก็จะต้องเป็นที่จดจำ เห็นปุ๊บรู้ได้ปั๊บว่าเป็นโลโก้ของแบรนด์อะไร เช่น หากเราเห็นโลโก้ Apple เราก็ต้องจดคถึงผลิตภัณฑ์อย่าง iPhone, MacBook ฯลฯ ได้เลยทันที
ตัวอักษร
ใครว่าไม่สำคัญ สำหรับโลโก้นั้น นอกจากจะเป็นภาพที่ทำให้คนจดจำได้แล้วนั้น ตัวอักษรก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะการเลือกใช้ตัวอักษรที่เข้ากับบุลคิกของธุรกิจของเรา ก็มีส่วนช่วยให้โลโก้ของเราดูดีขึ้นมาได้ในทันที แต่เพื่อไม่ให้ดูรกตาจนเกินไป ตัวอักษรที่ใช้ก็ควรจะไม่เกิน 10-20 ตัวอักษรเท่านั้น และควรมีการจัดขนาด ระยะห่าง น้ำหนัก ของตัวอักษรให้เหมาะสมด้วย
การใช้สี
สิ่งที่สำคัญมากๆ เลยสำหรับการทำโลโก้ นั่นก็คือ สี เนื่องจากสีทุกสีนั้นมีความหมายในตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งก็จะทำให้ผู้มองเห็นรู้สึกถึงสิ่งที่ถูกสื่อออกมาผ่านสีนั้นๆ สีที่เราเลือกใช้ในโลโก้นั้น ก็ต้องเป็นสีที่สะท้อนได้ถึงบุคลิก ความเหมาะสม และบ่งบอกได้ถึงแบรนด์ของเรา ที่สำคัญเลย เราไม่ควรใช้สีที่มากเกินไป หากต้องการให้เป็นที่จดจำ ก็ควรใช้สีไม่เกิน 1-2 สี
เอฟเฟค
ถ้าพูดถึงการสร้างสรรค์งานศิลป์อย่างโลโก้ ก็จะมีการนำเอาเอฟเฟคของภาพ หรือตัวอักษรต่างๆ เข้ามาใช้ร่วมด้วย แต่หลายครั้ง การทำโลโก้นั้น ก็อาจต้องการความเรียบง่าย มองดูแล้วจดจำได้ ดังนั้น การใช้เอฟเฟคแปลกๆ หรือเอฟเฟกที่หวือวา ใส่มาในงานนั้น ก็อาจจะทำให้พลังของโลโก้ที่เราต้องการให้เป็นที่จดจนั้นลดลงได้นั่นเอง
เริ่มต้นจากพื้นหลังสีขาว
สำหรับใครที่เริ่มออกแบบโลโก้นั้น อาจเริ่มต้นจากการสร้างโลโก้บนพื้นหลังสีขาวก่อน เพราะจะทำให้เราได้เห็นองค์ประกอบต่างๆ ของโลโก้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และหากออกแบบบนพื้นหลังสีขาวเรียบร้อยแล้ว ก็ค่อยพัฒนานำไปต่อยอดด้วยฉากหลัง หรือพื้นหลังสีอื่นๆ
ใช้พื้นที่ว่างให้เป็นประโยชน์
การเล่นกับพื้นที่ว่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลโก้ของเราออกมาดูดี ทันสมัย และน่ามองได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเราได้ลองใช้พื้นที่ว่างในงานโลโก้ ก็จะทำให้มีความหลากหลายในงานมากยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญ เราต้องจัดวางให้มีความสมดุลด้วย ไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไปจนทำให้ดูอึดอัด
เลือกประเภทโลโก้ให้เหมาะสม
คำถามง่ายๆอย่าง โลโก้แบบไหนล่ะที่อยากได้ เป็นคำถามยอดฮิตที่ผู้ประกอบการต้องเจอและคำตอบที่ได้ก็มักจะเป็น อยากได้แบบที่มันเจ๋งๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย เพราะคุณควรใช้เวลาและหาแบบโลโก้ที่ต้องการที่คุณคิดว่ามันจะเวิร์กกับแบรนด์ของคุณจริงๆ
รูปภาพ (Pictorial)
เป็นการออกแบบโลโก้โดยใช้รูปภาพที่จดจำง่าย เช่น แบบที่คุ้นตากันดีกับรูปเส้นโค้งตวัดหางแหลมหรือที่เรียกกันว่า Swoosh ของไนกี้ หรือการใช้รูปแพนด้าขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature – WWF) ยิ่งถ้าธุรกิจของคุณจะโกอินเตอร์ โลโก้ประเภทนี้ก็จะยิ่งตอบโจทย์เพราะรูปภาพนั้นไม่ต้องการคำแปล นอกจากนี้ยังเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการทำการสื่อสารด้วยข้อความหรืออารมณ์ความรู้สึกที่ชัดเจนไปยังลูกค้าอีกด้วย
ลายกราฟิกหรือ “โมโนแกรม” (Monogram)
อย่างของซีเอ็นเอ็น (CNN) หรือนาซ่า (NASA) การออกแบบโลโก้แบบนี้เหมาะกับแบรนด์ที่มีชื่อยาวหรือมีเจ้าของร่วมกันหลายคน เช่น บริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขนาดใหญ่ของโลกอย่างฮิวเลตต์-แพคการ์ด (Hewlett-Packard) ที่ใช้โลโก้ชื่อย่อว่า เอชพี (hp) เป็นต้น การใช้โลโก้แบบโมโนแกรมถือเป็นอีกเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำแบรนด์ดิ้งและการตลาด
ใช้ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว (Wordmark)
โลโก้ประเภทนี้จะใช้ชื่อของธุรกิจ สินค้าหรือบริการนั้นๆในการออกแบบและจะเลือกใช้ฟอนท์ที่มีสไตล์เข้ากับลักษณะของธุรกิจ เช่นของเลโก้ (Lego) หรือซัมซุง (Samsung) ถือเป็นโลโก้ที่ง่ายต่อการเข้าใจและอย่าลืมว่าชื่อที่ใช้นั้นต้องไม่ยาวเกินไป
มาสคอตหรือตัวการ์ตูนสัญลักษณ์ (Mascot)
เป็นการออกแบบโดยใช้รูปคนหรือตัวการ์ตูนมาเป็นโลโก้ เช่นของ พริงเกิลส์ (Pringles) และอังเคิลเบน (Uncle Ben’s) โลโก้ประเภทนี้จะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าเด็กและครอบครัวได้ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการกระตุ้นให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย
สัญลักษณ์ (Emblem)
เป็นการออกแบบโดยใช้ตราสัญลักษณ์อาจจะเป็นกรอบสี่เหลี่ยม วงกลม โล่หรืออื่นๆที่ประกอบไปด้วยรูปภาพหรือตัวอักษรในกรอบนั้นอีกที เช่นของคอนเวิร์ส (Converse) และบีเอ็มดับบลิว (BMW) ซึ่งการใช้โลโก้แบบสัญลักษณ์จะช่วยสร้างภาพของการเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ สิ่งที่ควรจำสำหรับการทำโลโก้ประเภทนี้คือต้องง่ายต่อการพิมพ์และต้องไม่มีรายละเอียดปลีกย่อยจนเกินไป
รวมทุกแบบเข้าด้วยกัน (Combination)
เป็นการออกแบบที่รวมกันระหว่างตัวอักษรและรูปภาพในโลโก้เดียวกัน เช่น อเมซอน (Amazon) และดังกิ้นโดนัท (Dunkin’ Donuts) ซึ่งเป็นหนึ่งในประเภทของโลโก้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
โลโก้ที่ดีต้องสื่อความหมายได้
โลโก้ที่ดีนั้นไม่ใช่แค่เพียงดูดี ดูสวย แต่ต้องสื่อความหมายของแบรนด์ของเราออกมาได้ด้วย อาจไม่จำเป้นต้องดูสวยที่สุด แต่สามารถสื่อความหมายที่เราต้องการออกมาได้มากที่สุด เพราะโลโก้ของเรา จะกลายเป็นภาพจำของลูกค้าไปตลอดนั่นเอง
การออกแบบโลโก้, แพคเกจจิ้งและการโฆษณาจะใช้หลักการออกแบบในการนำส่วนต่าง ๆ ที่แยกส่วนกันเข้ามาประกอบกัน ซึ่งการพิมพ์โลโก้ลงบนแพคเกจจิ้งถือเป็นการเพิ่มยอดขายและเพิ่มมูลค่าแบรนด์ของคุณ
การเชื่อมโยงของแบรนด์กับผู้บริโภคมีความสำคัญต่อความสำเร็จของแบรนด์ ดังนั้นคุณควรออกแบบการโปรโมทในช่องทางอื่น ๆ ให้มีเอกลักษณ์ แต่การออกแบบเหล่านั้นควรมีความเชื่อมโยงกับตัวตนแบรนด์ของคุณและเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ด้วยโลโก้แบรนด์
ทั้งนี้หากคุณผู้อ่านสนใจอยากทำแพคเกจจิ้งให้กับสินค้าของคุณ ทางสปาโซป มีบริการออกแบบทั้งแพคเกจ และโลโก้สินค้า พร้อมให้คำแนะนำ ปรึกษาฟรี
ขอบคุณข้อมูลจาก...