สบู่ กับ เครื่องหมาย อย.
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
2.1 คำนิยาม
เครื่องสำอาง คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์เพื่อความสะอาดและความสวยงามเท่านั้น เช่น ครีมบำรุงผิว โลชั่นกันแดด น้ำหอม ลิปสติก แป้งฝุ่น รองพื้น แป้งทาหน้า ดินสอเขียนคิ้ว ผลิตภัณฑ์ทาแก้ม แต่งตา ทาเล็บ ล้างเล็บ ตกแต่งทรงผม ระงับกลิ่นกาย สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ผ้าเย็น ผ้าอนามัย เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ที่ได้กล่าวอ้างสรรพคุณเกินกว่าเพื่อความสะอาดหรือความสวยงาม เช่น อ้างว่าสามารถบำบัด บรรเทา รักษาโรค ป้องกันโรค หรือมีผลต่อโครงสร้าง หรือการกระทำหน้าที่ต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นสรรพคุณทางยา ผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องจัดเป็นยา ไม่ใช่เครื่องสำอาง เช่น โลชั่นปลูกผม ครีมเสริมสร้างทรวงอก ครีมลดไขมัน สบู่ลดความอ้วน ครีมบรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง แม้ว่าจะมีการเกี่ยวโยงสรรพคุณเหล่านี้ว่านำไปสู่ความงามก็ตาม
2.2 การแบ่งประเภทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอางฯ ได้จัดแบ่งเครื่องสำอางออกเป็น 3 ประเภท ตามลำดับความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย หากผู้บริโภคใช้ไม่ถูกวิธี ได้แก่ เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เครื่องสำอางควบคุม และเครื่องสำอางทั่วไป
1) เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เป็นเครื่องสำอางที่มีความเสี่ยงสูงหากผู้บริโภคใช้เครื่องสำอางนั้นไม่ถูกวิธี จึงต้องมีการขึ้นทะเบียนตำรับเพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา พิจารณาความถูกต้อง เหมาะสม และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ก่อนจำหน่าย เครื่องสำอางในกลุ่มนี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดัดผม ย้อมผม ฟอกสีผม แต่งผมดำ ผลิตภัณฑ์ทำให้ขนร่วง ยาสีฟัน หรือน้ำยาป้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เป็นต้น เครื่องสำอางประเภทนี้ที่ฉลากจะต้องแสดงข้อความว่า "เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ" และมีเลขทะเบียนในกรอบ อย.
2) เครื่องสำอางควบคุม เป็นเครื่องสำอางที่มีความเสี่ยงรองลงมา การกับดูแลจึงลดระดับลงมาจากการขึ้นทะเบียน เป็นเพียงการจดแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น เครื่องสำอางในกลุ่มนี้ได้แก่ ผ้าอนามัย ผ้าเย็น กระดาษเย็น แป้งฝุ่นโรยตัว แป้งน้ำ เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดด เครื่องสำอางที่ผสมสารขจัดรังแค เป็นต้น เครื่องสำอางประเภทนี้ที่ฉลากจะต้องแสดงข้อความว่า "เครื่องสำอางควบคุม"
3) เครื่องสำอางทั่วไป ได้แก่ เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสารควบคุมพิเศษ หรือสารควบคุม เป็นเครื่องสำอางที่ผู้บริโภคมีโอกาสเกิดอันตรายจากการบริโภคได้น้อย ได้แก่ สบู่ แชมพู ครีมนวดผม แป้งทาหน้า ลิปสติก เจลแต่งผม น้ำหอม ครีมบำรุงผิว ดินสอเขียนคิ้ว บลัชออนแต่งแก้ม อายแชโดว์ เป็นต้น เครื่องสำอางประเภทนี้ต้องแสดงฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วน
**ดังนั้น สบู่ จึงจัดอยู่ในประเภท "เครื่องสำอางทั่วไป" ผลิตในประเทศไทย ไม่ต้องขึ้นทะเบียนอาหารและยา หรือรายละเอียด เพียงแต่แสดงข้อความที่ฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วน**
การแสดงข้อความอันจำเป็นที่ฉลากภาษาไทย
|
เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ |
เครื่องสำอางควบคุม |
เครื่องสำอางทั่วไป |
1. |
ชื่อเครื่องสำอาง |
ชื่อเครื่องสำอาง |
ชื่อเครื่องสำอาง |
2. |
ประเภทหรือชนิด |
ประเภทหรือชนิด |
ประเภทหรือชนิด |
3. |
ข้อความ |
ข้อความ |
- |
4. |
เลขทะเบียนในกรอบ อย. |
- |
- |
5. |
ชื่อและปริมาณ |
ชื่อและปริมาณ |
ชื่อส่วนประกอบสำคัญ |
6. |
- ถ้าผลิตในประเทศให้แสดงชื่อและ |
- ถ้าผลิตในประเทศให้แสดงชื่อและที่ต้องของผู้ผลิต |
- ถ้าผลิตในประเทศให้แสดงชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต |
7. |
เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต |
เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต |
- |
8. |
วันเดือนปีที่ผลิต |
วันเดือนปีที่ผลิต |
วันเดือนปีที่ผลิต |
9. |
วิธีใช้ |
วิธีใช้ |
วิธีใช้ |
10. |
ปริมาณสุทธิ |
ปริมาณสุทธิ |
ปริมาณสุทธิ |
11. |
คำเตือนตามที่กฎหมายกำหนด |
คำเตือนตามที่กฎหมายกำหนด |
คำเตือนตามที่กฎหมายกำหนด |
12. |
ถ้าพื้นที่ในการแสดงฉลากน้อยกว่า 20 ตารางเซนติเมตร ให้แสดงเฉพาะข้อ 1, 4 และ 10 ส่วนรายละเอียดอื่นให้แสดงในใบแทรกหรือเอกสารกำกับเครื่องสำอาง |
ถ้าพื้นที่ในการแสดงฉลากน้อยกว่า 20 ตารางเซนติเมตร ให้แสดงเฉพาะข้อ 1 และ 10 ส่วนรายละเอียดอื่นให้แสดงในใบแทรกหรือเอกสารกำกับเครื่องสำอาง |
ถ้าพื้นที่ในการแสดงฉลากน้อยกว่า 20 ตารางเซนติเมตร ให้แสดงเฉพาะข้อ 1 และ 10 ส่วนรายละเอียดอื่นให้แสดงในใบแทรกหรือเอกสารกำกับเครื่องสำอาง |
2.3 การโฆษณาเครื่องสำอาง
การโฆษณาเครื่องสำอาง ไม่ต้องขออนุญาตก่อนทำการโฆษณา แต่การโฆษณาต้องอยู่ในขอบเขตของความถูกต้อง
ถูกหลักวิชาการและเป็นธรรมต่อผู้บริโภค แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการอาจขอให้พิจารณาให้ความเห็นก่อนทำการโฆษณาได้
2.4 การผลิต/นำเข้าเครื่องสำอาง
-เครื่องสำอางควบคุมพิเศษต้องขึ้นทะเบียนก่อนผลิตหรือนำเข้า
-เครื่องสำอางควบคุมต้องแจ้งรายละเอียดก่อนผลิตหรือนำเข้า
-เครื่องสำอางทั่วไป- ผลิตในประเทศไม่ต้องขึ้นทะเบียนหรือ รายละเอียด เพียงแต่แสดงข้อความที่ฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วน
- นำเข้า ต้องยื่นเอกสารขอนำเข้าและต้องจัดทำฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วนและถูกต้อง ภายใน 30 วัน นับแต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้นำเข้า
2.5 สถานที่ขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
การขายเครื่องสำอาง สามารถกระทำได้โดยอิสระ ไม่ต้องขออนุญาตขายเครื่องสำอาง แต่เครื่องสำอางที่ขายต้องมีฉลาก
ภาษาไทยและฉลากต้องแสดงข้อควาครบถ้วนและถูกต้องตามที่ได้กำหนดไว้
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการจดทะเบียน อย. (เครดิตข้อมูล จากกระทรวงสาธารณะสุข)
1. ในการยื่นขอรหัสผู้ประกอบการ จะต้องไปดำเนินการที่ อย.เท่านั้น เนื่องจากจะต้องมีการชำระค่าธรรมเนียมรายปีในครั้งแรก ส่วนในปีถัดไปทาง อย.จะมีหนังสือแจ้งไปทางผู้ประกอบการให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมรายปี 1000 บาท ซึ่งลูกค้าสามารถชำระผ่านธนาคารได้โดยตรงที่ อย.กำหนดไว้
2. หากท่านขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการแล้ว ท่านอาจถูกสุ่มดูสถานที่จริง ดังนั้นข้อมูลของการทำแผนที่ และแผนผังภายในร้าน / บริษัท ควรตรงตามกับที่ยื่นแสดงไว้
3. กรณีที่ลูกค้าซื้อสินค้าเพื่อแบ่งบรรจุเอง โดยจดแจ้งเป็นผู้แบ่งบรรจุ สามารถระบุที่ข้างฉลากเป็นผู้ผลิตได้ โดยผู้จัดจำหน่ายจะระบุหรือไม่ก็ได้ เพราะ อย. ไม่ได้บังคับ (อย. บังคับให้ระบุเฉพาะผู้ผลิตเท่านั้น) อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถระบุผู้ผลิตต้นทางคือโรงงานตามเอกสารใบรับแจ้งที่ได้รับ ซึ่งสามารถ link ข้อมูลไปถึงกันได้เมื่อมีการตรวจสอบ เพราะเป็นสูตรอ้างอิงกัน
4. หลังจากลูกค้าได้รับเลขที่ใบรับแจ้งเรียบร้อยแล้ว ต้องนำเลขที่ใบรับแจ้งระบุบนฉลาก พร้อมทั้งมีรายละเอียดฉลากครบถ้วน ตามกฎเกณฑ์ อย. เพราะเครื่องสำอางดังกล่าว ได้เข้าระบบทะเบียนของ อย.เรียบร้อยแล้ว กรณีถ้าลูกค้าไม่ดำเนินการตามกฎเกณฑ์ที่ อย. กำหนด ทาง อย. มีสิทธิ์เพิกถอนทะเบียนจดแจ้งสินค้า และผู้ประกอบการได้
5. การที่ลูกค้านำสินค้าเพื่อแบ่งบรรจุเอง ลูกค้าควรดำเนินการแบ่งบรรจุไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง ทั้งเรื่องความสะอาดของบรรจุภัณฑ์ วิธีการแบ่งบรรจุ และปริมาณการบรรจุ เพราะถ้ามีการร้องเรียนจากผู้ซื้อ สินค้าดังกล่าวอาจถูกเพิกถอนทะเบียนจดแจ้ง และผู้ประกอบการได้
6. กรณีต้องการตรวจสอบเลขใบรับแจ้งที่ได้รับกับ website อย. ในส่วนของ ชื่อผู้ประกอบการ จะเป็นชื่อของลูกค้าที่ขอรหัสผู้ประกอบการไว้
7 . ลูกค้าสามารถตรวจสอบเลขที่ใบรับแจ้งของตนเองได้ที่ website อย. "สืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์(เครื่องสำอาง)"