แน่นอนว่าการแนะนำสรรพคุณก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ดึงความสนใจของลูกค้า แต่การชูสรรพคุณสินค้าจนเกินจริง เสี่ยงผิดกฏหมายไม่รู้ตัว หากฝ่าฝืน โทษสูงสุดคือ จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ทางสปาโซปเลยรวบรวมข้อมูล “คำและข้อความที่ห้ามใช้ในโฆษณาเครื่องสำอาง” ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาให้ความรู้เจ้าของแบรนด์ ตัวแทนขายเครื่องสำอาง รวมไปถึงคนที่สนใจสร้างแบรนด์ ได้มีแนวทางการโฆษณาที่ถูกต้องไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
ลักษณะการโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
มาตรา 41 วรรคสอง (1)
การโฆษณาด้วยข้อความที่สื่อความหมายเป็นเท็จ หรือเกินความจริง
1. การเคลมที่ยากต่อการพิสูจน์ เช่น “ที่สุด” “ไร้สารพิษ”
“ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ปราศจากสารอันตราย”
“ที่สุดในโลก” “ไม่ระคายเคืองผิว” “ไร้ผลข้างเคียง”
“จบทุกปัญหา...” (เช่น จบทุกปัญหาผิว จบทุกปัญหาสิวเป็นต้น) หรือข้อความอื่นที่มีความหมายในทำนองเดียวกัน*
2. สื่อว่าได้รับการรับรองคุณภาพ รับรองมาตรฐาน จาก อย. หรือ กรมวิทยาศาตร์การแพทย์ 3. เปรียบเทียบเครื่องสำอางกับการทำหัตถการทางการแพทย์ การเลเซอร์ การฉีดโบท็อกซ์ การศัลยกรรม ซึ่งมีการเปรียบเทียบว่า ผลที่ได้จากการใช้เครื่องสำอางเทียบเท่าหรือดีกว่าการทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น “แค่ทาก็เท่ากับฉีด”
“ขาวไวกว่าฉีด”
“หน้าเรียวไม่ง้อโบท็อกซ์”
“ผิวเต่งตึงเสมือนยิงเลเซอร์”
มาตรา 41 วรรคสอง (2)
การโฆษณาด้วยข้อความสื่อความหมายที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
1. ข้อความที่สื่อความหมายว่า มีผลต่อสุขภาพ
“ฟื้นฟูผิวหนังให้แข็งแรง”
“ดูดซับของเสียตกค้างใต้ผิว”
“ล้างสารพิษ”
“กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด”
2. ข้อความที่สื่อความหมายว่ามีผลต่อโครงสร้างของร่างกาย
“เสริม/ลดหน้าอก”
“สลายไขมัน ยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียว” “กระชับสัดส่วน”
“อกฟู รูฟิต”
“ลดความอ้วน”
“ท ำให้สูงขึ้น” “เพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย”
3. ข้อความที่สื่อความหมายว่า มีผลต่อการกระทำหน้าที่ใด ๆ ของร่างกาย
“กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน”
“ลดการสร้างเม็ดสีผิว” “ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase”
“ต่อต้านอนุมูลอิสระ” “ลดผมหงอก กระตุ้น หรือเร่งการสร้าง เส้นผมใหม่ให้ดกดำ”
“เร่งการงอกของเส้นผม/ปลูกผม ปลูกหนวด เครา/ ลดผมร่วง/ลดผมบาง/บำรุงรากผม”
มาตรา 41 วรรคสอง (3)
เป็นการโฆษณาด้วยข้อความที่แสดงสรรพคุณที่เป็นการรักษาโรคหรือมิใช่จุดมุ่งหมายเป็นเครื่องสำอาง
1. ข้อความที่สื่อความหมายถึงสรรพคุณรักษาโรค
“รักษาสิว/ป้องกันหรือลดอาการอักเสบของสิว”
“ป้องกันหรือรักษาฝ้า” “แก้ผดผื่นคัน”
“ระงับหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราที่ผิวหนัง”
“รักษาแผลหรือลดอาการอักเสบในช่องปาก”
“จบทุกปัญหาสิว”
“ลดการอักเสบของผิวหนัง ปกป้องผิวจากโรคผิวหนัง ผด ผื่นคัน”
“รักษาทุกปัญหาของรอบเดือนสตรี (ปวดประจ ำเดือน, ตกขาวผิดปกติ, ช่องคลอดมีกลิ่น,คันช่องคลอด)”
“โรคปริทันต์ (ปวดฟัน, เหงือกบวม,เหงือกอักเสบ, เลือดออกตามไรฟัน)”
“พ่นคอเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ”
“รักษาโรคปวดข้อ ปวดเข่า ปวดหลัง ปวดเท้า ข้ออักเสบ ข้อติด ข้อฝืด ข้ออักเสบ รูมาตอยด์ ลดการอักเสบ ของเส้นเอ็น ข้อเข่า และกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดบวม เคล็ดขัดยอก กล้ามเนื้ออ่อนแรง”
“หยอดตาเพื่อรักษาโรคต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม แพ้แสงมองไม่ชัด ตามัว”
2. ข้อความที่มิใช่จุดมุ่งหมายเป็นเครื่องสำอางหรือมีจุดมุ่งหมายเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพประเภทอื่น เช่นยา อาหาร วัตถุอันตรายหรือเครื่องมือแพทย์
“ทาผิวกายเพื่อไล่ยุง แมลง”
“ทาบริเวณที่แมลงกัดต่อย”
“ชโลมเส้นผมเพื่อกำจัดเหา”
“ชำระล้างอวิชชาต่าง ๆ และเปิดดวงชะตาชีวิต เพื่อรับพลัง ด้านดีให้แก่ผู้ใช้”
"ใช้แล้วเปิดดวงชะตารับทรัพย์"
“ฉีดพ่นฆ่าเชื้อบนจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรศัพท์ ฝาชักโครก โต๊ะทำงาน”
“ฉีดพ่นหน้ากากอนามัย ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา”
มาตรา 41 วรรคสอง (4)
เป็นการโฆษณาด้วยข้อความที่สื่อถึง สรรพคุณบำรุงกาม
“กระชับภายในคืนความสาว บรรเทาช่องคลอดแห้ง รีแพร์ ช่องคลอดฟิต”
“เพิ่มสมรรถภาพท่านชาย แก้ปัญหาไม่แข็งตัว เพิ่มพลังช้างสาร”
“เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ชะลอการหลั่ง ทำให้สนุกได้นานขึ้น แข็งตัวได้เต็มที่ แข็งตัวได้นานขึ้น เพิ่มขนาดและความแข็งแรง เพิ่มความสนุกสนานบนเตียง โคตรทน”
สำหรับข้อมูลดังกล่าวข้างต้น หลายๆคนน่าจะพอเข้าใจแนวทางการโฆษณามากขึ้น ทั้งเครื่องสำอางบำรุงผิวเน้นกระจ่างใส ลดริ้วรอย แก้ปัญหาสิว และป้องกันแสงแดด ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่คนไทยให้ความนิยม หากใครเผลอใช้ และทาง อย. สุ่มตรวจสอบ พบว่ากระทำความผิด แบรนด์ต้องถูกจับ และโดนค่าปรับ เสียทั้งเงิน เสียเวลาและยังเสียภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ปั้นมา ซึ่งบอกเลยได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน!!
A. กฎหมายที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง
A1) กฏหมายเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
B. พระราชบัญญัติเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
B1) พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง
C. การโฆษณาเครื่องสำอาง
C3) การโฆษณาเครื่องสำอาง
D. ประกาศกระทรวงเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
D1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
D2) เรื่อง ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่มีสารป้องกันแสงแดด พ.ศ. 2550
D3) หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการผลิต หรือนําเข้าเครื่องสําอาง พ.ศ. 2561
D4) การจดแจ้ง การออกใบรับจดแจ้ง การต่ออายุใบรับจดแจ้ง พ.ศ. 2561
D5) ฉลากของเครื่องสาอาง พ.ศ. 2562
E. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
E1) หลักเกณฑ์และวิธีการขอความเห็นชอบในการแสดงธงชาติที่กระทำโดยเอกชน พ.ศ. 2563
F. ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง
F1) ฉลากของเครื่องสําอาง พ.ศ. 2554
F2) การแสดงค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดดของ ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่มีสารป้องกันแสงแดด พ.ศ. 2556
F3) พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
F4) พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 เรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเครื่องสำอาง
F5) การระบุข้อความอันจําเป็นที่ฉลากของเครื่องสําอาง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558
G. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
G1) แนวทางการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ พ.ศ. 2565
G2) แนวทางการทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสำอางทำความสะอาดผิวหนังที่ใช้แล้วล้างออก พ.ศ. 2565