น้ำหอม เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถเพิ่มความมั่นใจและสร้างเสน่ห์ดึงดูดให้กับผลิตภัณฑ์ของเราได้เป็นอย่างดี น้ำหอมมีที่มาไม่แน่ชัด แต่ข้อมูลที่ทำให้ทราบว่า น้ำหอมมีการใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณแล้วนั้นมาจากหนังสือ The Histories อันเป็นบันทึกของเฮโรโดตัส นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก ซึ่งมีชีวิตระหว่าง 490-480 ก่อนคริสตศักราช ผู้ที่ได้ท่องเที่ยวไปยังดินแดนต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ทั้งในอียิปต์ เมโสโปเตเมีย ปาเลสไตน์ และตอนใต้ของรัสเซีย
อารยธรรมโบราณในแถบคาบสมุทรทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีการผลิตและใช้น้ำหอมกัน เช่น ในอารยธรรมบาบิโลน “คนบาบิโลนไว้ผมยาว โพกผ้าพันศีรษะ และพรมน้ำหอมตลอดทั้งตัว ในอารยธรรมอียิปต์โบราณ “คนอียิปต์นำน้ำมันจากต้นละหุ่งในการนำมาบำรุงผิว และนำไปเป็นน้ำมันสำหรับจุดไฟเพื่อให้มีกลิ่นหอม” ในดินแดนอารเบีย “ชาวอารเบียนำซินนามอน เลดานอนหรือลาดานัม มาทำเป็นส่วนผสมของน้ำหอม”
จากนั้นได้พัฒนาความหอมของน้ำหอมจนเป็นที่รู้จักในสมัยจักรวรรดิโรมัน และนิยมใช้ความหอมจากต้น ไม้ยางหอมเป็นหลัก โดยสั่งไม้ยางหอมประเภท Boswellia จากอราเบีย (Arabia) และเพิ่มส่วนผสมที่หามาได้จากอินเดีย มาเป็นส่วนผสมน้ำหอมในรูปแบบของชาวโรมัน คำว่าเพอร์ฟูม (Perfume) มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน แปลว่า ควัน ในกรีกโบราณ ชาวโรมันที่ร่ำรวยจะนิยมใช้น้ำหอมเป็นอย่างมาก ใช้ชนิดที่แบบฉีดน้ำหอมทุกพื้นที่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฉีดให้กับสัตว์เลี้ยงในบ้าน ฉีดตามกำแพงบ้านของตนเอง เศรษฐีชาวโรมันจะใช้น้ำหอมตามความชอบตามความพอใจแบบไม่มีคำว่าเสียดาย
แต่น้ำหอมเกิดความนิยมอย่างแพร่ในยุคกลาง ที่ชาวอาหรับได้คิดค้นน้ำหอมด้วยการกลั่นสำเร็จ ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ขนาดใหญ่ในอาณาจักรเปอเซียร์ พัฒนาเป็นแปลงปลูกกุหลาบที่มีพื้นที่และขนาดใหญ่โตมาก เพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำหอม จนเป็นที่เลื่องลือกันว่ากรุงแบกแดด (Baghdad) เป็นเมืองแห่งน้ำหอม City of Fragrance ชาวอาหรับยังได้คิดค้นสูตรน้ำหอมในรูปแบบใหม่ คือ การนำสารที่ได้จากตัวชะมด หรือกลิ่นชะมดผสมกับปูนขาว จากนั้นพวกเขานำปูนขาวที่ผสมกับกลิ่นชะมดไปสร้างสุเหร่าและพระราชวัง ซึ่งทำให้มีกลิ่นหอมไปทั่วทั้งเมือง
จากนั้นในช่วงสมัยคลูเสด (Crusader) ได้นำน้ำหอมหรือเครื่องหอมจากชาวอาหรับให้เป็นที่แพร่หลายในยุโรป แต่ที่เริ่มรู้จักจริงๆในยุโรปนั้น เริ่มเมื่อศตวรรษที่ 16 เมื่อ แคทเธอรีน เดอ เมดีชี (Catherine de Medici) ได้มาที่ประเทศอิตาลี่ (Italy) เพื่อจะแต่งงานกับอนาคตกษัตริย์สมัยนั้น จากนั้นทำให้น้ำหอมแพร่หลายและเป็นที่รู้จักมากขึ้น
จนในศตวรรษที่ 19 ได้มีการสกัด และสังเคราะห์กลิ่นน้ำหอมจากสารเคมีมากขึ้น ทำให้เกิดความหอมจากหลายกลิ่น จนกลายเป็นความหอมที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
อ้างอิง: Herodotus, The Histories (Bungay: Penguin Books, 1954), Michal Dayagi-Mendels