แม้ว่าผิวจะสามารถผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกเองทุกๆ 21-30 วัน แต่เมื่อยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวก็ยิ่งลดลง ซึ่งเซลล์ผิวเก่าที่สะสมอยู่บนผิว ไม่เพียงทำให้ผิวหมองคล้ำ หยาบกร้าน แต่ยังส่งผลกระทบให้การสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้เกิดช้าลง จนนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนและเป็นสิวในที่สุด
นอกจากนี้ยังทำให้สกินแคร์ต่างๆที่เราบำรุงซึมเข้าสู่ผิวได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย สครับจึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผู้คนนิยมใช้ขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้ผิวกลับมาเนียน กระจ่างใส และดูสุขภาพดี อีกครั้ง
สครับมีเนื้อสัมผัสแบบไหนบ้าง?
Scrub texture
ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์สครับ มีเนื้อสัมผัสที่หลากหลายมากยิ่งขึ้ นนอกจากครับเกลือ สครับน้ำตาล เช่น สครับเนื้อครีม สครับเนื้อเจล สครับเนื้อโลชั่น ซึ่งเนื้อสัมผัสแต่ละแบบ มีจุดเด่น และให้ความรู้สึกขณะสครับที่แตกต่างกัน รวมทั้งยังส่งผลต่อการเลือกใส่เม็ดสครับอีกด้วย

Oil Base
สครับที่มีส่วนผสมหลักมาจาก น้ำมันสกัดธรรมชาติ หรือ น้ำมันสังเคราะห์กลุ่มไตรกลีเซอร์ไรด์ ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน ให้ความรู้สึกเคลือบผิวหลังใช้ นิยมใส่เม็ดสครับเกลือและน้ำตาล ซึ่งไม่ทำปฏิกิริยาละลายในน้ำมัน สครับสูตรนี้เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง ผิวธรรมดา หรือคนที่ต้องการฟิลผ่อนคลายแบบอโรม่า
Gel Base
สครับเจล เนื้อใสคล้ายเจลลี่ ให้ความนุ่มลื่น เบา สบาย ละลายเข้ากับผิว มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ แต่สามารถพัฒนาสูตรที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมได้ ใส่เม็ดสครับได้แทบทุกชนิด เหมาะสำหรับคนที่มีผิวธรรมดา ผิวมัน และคนที่ผิวบอบบาง
Cream Base
สครับลักษณะเป็นเนื้ออิมัลชั่น มีส่วนผสมน้ำมันมากกว่าน้ำ ละมุนผิว ให้ความชุ่มชื้น แต่ไม่เคลือบผิวเหมือนสครับน้ำมัน เม็ดสครับทำจากธรรมชาติ เช่น แอปริคอท วอลนัท รวมไปถึงกลุ่มธัญพืช พวกข้าวโอ๊ต มอล์ต ข้าวบาร์เล่ย์ เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง และผิวธรรมดา แต่ไม่เหมาะกับคนผิวมันและเป็นสิว
Lotion Base
เนื้อโลชั่น หรือ เนื้อน้ำนม นอกจากที่นิยมใช้ในสกินแคร์ ยังสามารถทำเป็นสครับขัดผิวได้อีกด้วย มีลักษณะคล้ายเนื้อครีม แต่มีความเหลวมากกว่า ทำให้นวดวนง่ายขึ้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ และมอบความชุ่มชื้นสู่ผิว นิยมใส่เม็ดสครับธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนสภาพผิวธรรมดา และผิวผสม
Powder
สครับผงสำหรับผสมน้ำ เนื้อจะละเอียด ไม่บาดผิว ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาแปรรูปเป็นสครับ นิยมแปรรูปจากสมุนไพร เช่น ไพร ขมิ้น ทานาคา สามารถ Mix & Match สูตรได้ตามต้องการ กับส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน
ลักษณะของเม็ดสครับ
เม็ดสครับแต่ละแบบมีผลต่อความรู้สึกในการขัดผิวที่แตกต่างกันออกไป โดยเม็ดใหญ่เหมาะสำหรับสครับผิวที่หยาบกร้าน หรือจุดที่ทนต่อแรงขีดข่วน และเม็ดเล็กเหมาะสำหรับสครับผิวที่อ่อนโยนเปราะบางเช่นผิวหน้า ข้อพับ ขาหนีบเป็นต้น

เม็ดสครับธรรมชาติ
เม็ดสครับกาแฟ (Coffee)
เนื้อค่อนข้างหยาบ มีกลิ่นเฉพาะตัว ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ เหมาะกับทุกสภาพผิว เมล็ดสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นเฉพาะตัว รูปทรงเป็นเม็ดเหลี่ยมๆ เล็ก ๆ ที่มีความหยาบเหมือนเกลือและทราย กากกาแฟเป็นสครับที่ผลิตมาจากธรรมชาติ ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสครับผิวที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการทางเคมี ขนาดเม็ดที่หลากหลายขึ้นอยู่กับกระบวนการบดเมล็ด
เมล็ดสตรอเบอร์รี่
มีลักษณะทรงรีเล็ก ๆ เมล็ดแข็ง มีสีน้ำตาล มีความหยาบเหมาะสำหรับใช้ขัดผิวได้ดี แต่ที่นิยมมากที่สุดคือใช้เพื่อตกแต่งเนื้อผลิตภัณฑ์ หรือใช้ควบคู่สครับอื่น เนื่องจากเมล็ดอาจใหญ่เกินไปไม่เหมาะแก่การสครับเพียงลำพังชนิดเดียว
เม็ดสครับแอปริคอต (Apricot)
มีลักษณะทรงกลมรี สีน้ำตาล ผ่านการบดละเอียดเป็นเมล็ดสครับขนาดเล็ก ไม่บาดผิว สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เนื้อเนียนละเอียด ช่วยให้ผิวนุ่มนวล กระชับรูขุมขน เหมาะกับทุกสภาพผิว สครับเนื้อละเอียด ขัดง่าย ไม่บาดผิว อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยให้ผิวกลับมาแลดูนุ่มนวล เรียบเนียน
เมล็ดสครับมะกอก
สีน้ำตาลอ่อน (อ่อนกว่าแอปริคอต) เป็นเม็ดสครับธรรมชาติ จากเมล็ดมะกอกที่นำมาบดกลมจนละเอียด เหมาะสำหรับใช้ขัดผิวหน้าและผิวกาย
เมล็ดสครับข้าวโพด
ป็นการนำเมล็ดจากแกนข้าวโพดมาบด โดยขนาดของสครับจะละเอียด การระคายเคืองผิวเกิดขึ้นได้น้อย และให้ประสิทธิภาพที่ดีสครับผิวที่ต้องการการขัดแบบอ่อนโยน
เม็ดสครับวอลนัท (Walnut)
เนื้อเนียนละเอียด ให้ความชุ่นชื้นและลดเลือนริ้วรอย เหมาะกับทุกสภาพผิว ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน มีโอเมก้า 3 และวิตามินอี ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เม็ดสครับข้าว (Rice)
เนื้อเนียนละเอียด ช่วยลดความหยาบกร้าน ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ขาวใส เปล่งปลั่ง เหมาะกับทุกสภาพผิว
เม็ดสครับอัลมอนด์ (Almond)
น้ำมันในเมล็ดอัลมอนด์เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ชั้นเลิศ ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น
เม็ดสครับผงถ่านไม้ไผ่ (Bamboo Charcoal)
ดูดซับสิ่งสกปรกและความมันให้สะอาดหมดจด สครับผิวหยาบกร้านให้นุ่มละมุ่น
สครับน้ำตาล (Sugar)
เม็ดสครับมีลักษณะเหลี่ยม เม็ดใหญ่และมีความคมกว่าเกลือ มีแรงเสียดสีมากกว่า นำไปใช้สครับในส่วนของผิวหนังที่ด้านเป็นพิเศษ หรือต้องการให้ผิวหนังบริเวณที่มีความด้านมากนั้นหลุดออกได้ง่าย จุดเด่นของสครับน้ำตาลเมื่ออยู่ในผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะมอบเนื้อสัมผัสหนืด ๆ หนึบคล้ายน้ำผึ้ง เนื่องจากเกิดจากการละลายของน้ำตาลในสูตร ช่วยให้ผิวเรียบเนียน มีความชุ่มชื้น
สครับเกลือ (Salt)
เม็ดสครับที่มีลักษณะกลม เนื้อหยาบ มีขอบค่อนข้างคมจึงไม่เหมาะกับผิวหน้า แต่เหมาะกับการขัดผิวบริเวณที่หนาและหยาบกร้าน เช่น ฝ่าเท้า หัวเข่า ข้อศอก หรือผิวกายมากกว่า ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าได้ดีกว่าสครับขัดผิวชนิดอื่นๆ ลดการอักเสบ เหมาะกับผิวปกติและผิวมัน

ไมโครสครับ (Micro scrub)
เนื้อเนียนละเอียด เม็ดเล้ก ช่วยขจัดสิ่งสกปรกอุดตัน เหมาะกับผิวปกติ และผิวมัน เมล็ดพลาสติก หรือพลาสติกเคลือบ (Micro bead) มีรูปทรงและมีสีสันที่หลากหลาย แต่ด้วยปัญหาของมลภาวะทางท้องทะเล ที่เม็ดสครับไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงมีการแบนและมีกฎหมายห้ามผลิตรวมถึงใช้เม็ดสครับจากพลาสติกในเครื่องสำอาง
โจโจบาบีดส์
เม็ดสครับมีลักษณะรูปทรง และเฉดสีได้หลากหลาย สามารถเนรมิตหน้าตาสครับออกมาได้มากมายใกล้เคียงกับไมโครบีดส์พลาสติก แต่มีความอ่อนอ่อนโอนมากกว่าและไม่ทิ้งรอยขีดข่วนไว้บนผิว ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต่างจากเม็ดสครับ PE ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
สครับสำหรับผิวหน้า เน้นขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน โดยผิวหน้าและลำคอ เป็นส่วนที่ผิวมีความบอบบาง เม็ดสครับที่ใช้จึงมีความละเอียดสูง เพื่อไม่ให้ผลัดเซลล์ผิวรุนแรงเกินไป จนเกิดการระคายเคือง
ในขณะที่สครับสำหรับผิวกายจะมีเม็ดสครับขนาดใหญ่กว่า เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังทำให้ผิวนุ่มละมุน ทั้งนี้ไม่ควรใช้สครับผิวกายกับผิวหน้า เพราะอาจเกิดรอยถลอก เป็นการทำร้ายผิวทางอ้อม
สำหรับใครที่อยากสร้างแบรนด์และพัฒนาสูตรสครับเฉพาะของแบรนด์ สูตรของตนเอง แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสร้างแบรนด์ได้ที่...
---------------------------------------------------
---------------------------------------------------